ME!!

วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

Evolution III

Evolution III
รุ่นยอดนิยม ขวัญใจมหาชน
27 มกราคม 1995
จำกัดจำนวนผลิต 5,000 คัน
การปรับปรุงเน้นไปที่การเปลี่ยนมาใช้ชุดแอโรพาร์ท รวมทั้งสปอยเลอร์รอบคันใหม่ทั้งหมดให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อเพิ่มแรงกดและลด ค่าสัมประสิทธิ์ต้านทานอากาศ (แอโรไดนามิก) ลง ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มเป็น 1,260 กิโลกรัม ยังใช้ตัวถัวรวมทั้งช่วงล่างและระบบกำลังส่งเดิม แรงม้าอยู่ที่ 270 แรงม้า (PS) ที่ 6,250 รอบ / นาที โดยคงแรงบิดสูงสุดเท่าอีโวลูชั่น II ระบบกันสะเทือนถูกปรับปรุงให้ตอบสนองได้เฉียบคมยิ่งขึ้น จนทำให้อีโวลูชั่น III แรงสุดและหนักสุด แต่มีสมรรถนะดีที่สุดในกลุ่มอีโวลูชั่นที่ใช้พื้นฐานแลนเซอร์รุ่นอี – คาร์
รุ่นยอดนิยม ขวัญใจมหาชน รุ่นนี้ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจากอีโวลูชั่น ทู
ภายนอกเปลี่ยนกันชนหน้าใหม่ มีช่องรับลมใหญ่ขึ้น สเกิร์ตข้างใหญ่ขึ้น มีติ่งหลังปลายกันชน และหางหลังรูปทรงใหม่ และไฟมุมสีส้ม
รุ่นนี้ที่พิเศษกว่า อีโว วัน- ทู คือ กระจกเป็นสีฟ้าครับ เป็นแบบ UV cut ด้วย
พื้นฐานยังคงเหมือนรุ่นก่อนๆ
แต่มีการปรับปรุงเครื่องยนต์ให้มีสมรรถนะสูงขึ้น อีก 10 แรงม้า เป็น 270 แรงม้า
ภายในเหมือน อีโวลูชั่นทู
เบาะ Recaro SR-III เปลี่ยนลายใหม่
พวงมาลัย MOMOใหม่ (รุ่นนี้หายาก)
สีเหลืองเป็นสีที่มีเฉพาะรุ่นนี้เท่านั้น
สำหรับรุ่น RS ก็เหมือนเดิม ลดอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นออกหมด
แล้วเพิ่มไอ้ที่จำเป็นสำหรับการแข่งขันขึ้นมาแทน
 

Evolution II

Evolution II

22 ธันวาคม 1993
จำกัดจำนวนผลิต 5,000 คัน
ดูเหมือนไม่มีการปรับโฉมใหม่ใด ๆ แต่ความจริงแล้วมีหลายจุดที่ อีโวลูชั่น II แตกต่างจาก อีโวลูชั่น I เช่นเครื่องยนต์ที่มีการเพิ่มแรงดันบูสเตอร์เทอร์โบ ระยะวาล์ว เป็นต้น รีดแรงม้าเป็น 260 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ / นาที แรงบิดสูงสุด 31.5 กก.-ม. ที่ 3,000 รอบ / นาที ปรับปรุงระบบกันสะเทือนเพียงเล็กน้อย
รุ่นนี้ หน้าตาเหมือนกะรุ่น อีโวลูชั่น วัน มีจุดแตกต่างกันนิดหน่อย
- กันชนหน้ามีลิ้นหน้าเพิ่มขึ้น
- สปอยเลอร์หลังแบบ 2 ชั้น
- ล้อแม็กซ์ ขอบ 15 เท่าเดิม แต่เป็นล้อ O.Z.
รุ่นนี้ได้รับการพัฒนาด้านเครื่องยนต์อีกเล็กน้อยจน มีแรงม้าเพิ่มอีก 10 ตัว เป็น 260 แรงม้า
นอกนั้นยังคงสเป็กเดิมภายใน ยังคงเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนเบาะหน้าเป็นรุ่น SR-III ลายตุ๊กแก
แผงข้างประตูเป็นหนังกลับ สีที่ผลิตในรุ่นนี้ มี 5 สีครับ

Evolution I

Evolution I
7 กันยายน 1992 
จำกัดจำนวนผลิต 2,500 คัน
ถูกพัฒนาบนพื้นฐานแลนเซอร์รุ่น อี-คาร์ มีให้เลือกทั้งรุ่น RS สำหรับลูกค้าที่ต้องการรถสภาพเดิมไปโมดิฟายเพื่อลงแข่งในสนามและรุ่น GSR สำหรับลูกค้าทั่วไป ด้วยความยาวตัวถัง 4,310 มิลลิเมตร กว้าง 1,695 มิลลิเมตร สูง 1,395 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อยาว 2,500 มิลลิเมตร น้ำหนักตัว 1,240 กิโลกรัม ขุมพลัง 4G63 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว พร้อมเทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 250 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 31.5 กก.-ม. ที่ 3,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ ลงสู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ คู่หน้าแบบมีรูระบายความร้อน
รูปลักษณ์ ภายนอก ค่อนข้างเหมือนกะอีคาร์กันชนหน้ามีช่องลมระบายอากาศขนาดใหญ่ พร้อมฝากระโปรงอลูมิเนียมแก้มซ้ายขวาโป่งกว่ารุ่นอีคาร์ มีไฟข้างแก้มแบบแบนรุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์ 4G63 ที่พัฒนามาจาก VR-4โดยมีแรงม้า 250 Ps มากกว่ารุ่น VR-4(ECI) อยู่ 10 แรงม้าอินเตอร์คูลเลอร์ใหญ่กว่า VR-4 มีแต่เกียร์ 5 สปีด ขับเคลื่อน 4 ล้อดิสค์เบรค 4 ล้อ พร้อม ABS ดุมล้อ 4 รู 114รุ่นนี้ใส่แม็กขอบ 15 ให้มาจากโรงงานตั้งแต่รุ่นนี้ไป ไฟตัดหมอกหลังเป็นอุปกรณ์มาตรฐานภายใน สีดำล้วนแอร์ดิจิตอล พวงมาลัยโมโม่ เบาะเรคคาโร่หัวหมอนหนังกลับกระจกสีชาไฟฟ้า 4 บาน กระจกมองข้างปรับไฟฟ้าแบบพับได้มีไล่ฝ้ากระจกหลังพร้อมใบปัดซันรูฟเป็นออฟชั่นสั่งพิเศษครับ ในรุ่นนี้ผลิตออกมาเพียง 5 สีเท่านั้นของเล่นที่หายากในบ้านเรา เป็นออฟชั่นที่ต้องจ่ายเพิ่ม ก็มีดังนี้เลยครับ
- สปอร์ตไลท์หน้า (มาพร้อมสวิสต์ในรถ ปุ่มกดอยู่บริเวญเหนือช่องแอร์ด้านขวา)
- มัดการ์ด (คนไทยไม่ค่อยนิยมใส่)
- เบาะเรคคาโร่หัวตาข่าย (ใครจะเปลี่ยนวะ)
- เกจ์วัดสามสหาย
- กันกระแทกเข่า(เวลาเข้าโค้งแรงๆ จะได้ใช้)
- ค้ำโช๊คหน้า RalliArt
ในประตูทั้ง 4 บาน จะมีคานกันกระแทกขนาดใหญ่สปอยเลอร์หลังแบบชั้นเดียว(รุ่นนี้ดีนะ ต้านลมน้อยที่สุดเลย)ส่วนในรุ่น RS จะตัดอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นสำหรับการแข่งขันออกทั้งหมดเลยและเพิ่มลิมิเต็ดสลิปหน้า-หลังให้อีกด้วย

วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ประวัติ Evolution

 ประวัติของ Evolution
   ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ความสำเร็จของมิตซูบิชิ มอเตอร์สเกิดจากการเข้าร่วมกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตและการแข่งขันแรลลี่โลก World Rally Championship (WRC) ซึ่งมักจะประสบกับชัยชนะเกือบทุกครั้ง จากความสำเร็จดังกล่าว จึงถูกนำพัฒนาและถ่ายทอดในรถยนต์ของนักขับรถ
     ย้อนหลังไปต้น ทศวรรษที่ 1970 ตัวแข่งแรลลี่โลกของมิตซูบิชิถูกพัฒนามาจาก โคลต์ กาแลนท์ 16L จากนั้นเข้าสู่ยุคของแลนเซอร์รุ่นแรก 1600 GSRตามด้วยแลนเซอร์รุ่นกล่องไม้ขีด ที่ได้รับความนิยมจากนักแข่งและทีมแข่งต่างๆ ตลอดปี 1981–1982รวมทั้งสปอร์ตคูเป้รุ่นสตาร์เรียน กระทั่งเข้าสู่ยุคของกาแลนท์ VR-4ซึ่งถือเป็นยุคทองของมิตซูบิชิ จนเมืองไทยนิยมนำเข้ามาเพื่อแข่งขันแต่เมื่อมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ตันสินใจขยายตลาดโดยเน้นรถซีดานขนาดกลางอย่างจริงจัง ด้วยการเปิดตัวกาแลนท์ อัลติมาซึ่งมีขนาดตัวถังใหญ่เกินไปจึงไม่เหมาะกับการแข่งขัน ดังนั้นทีมมอเตอร์สปอร์ตจึงพัฒนาตัวแข่ง ใหม่ในนาม อีโวลูชั่น ในขณะเดียวกันสมาพันธ์FIAกำหนดรถยนต์ที่เข้าแข่งขันกรุ๊ป Aต้องผลิตออกขายอย่างน้อย 2,500คัน/ปี มิตซูบิชิจึงต้องผลิตอีโวชั่นทำตลาดจริงให้ถึงจำนวนที่กำหนดดังกล่าว นับเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะแลนเซอร์ อีโวลูชั่นสามารถกวาดชัยชนะจากสนามแข่งWRCนับไม่ถ้วน ทั้งยังคว้าแชมป์แรลลี่โลกสะสมเก็บคะแนนในปี 1998 มาครองได้สำเร็จ